สำนักงานพลังงานจังหวัดศรีสะเกษ ขอประชาสัมพันธ์ งบทดลอง ประจำเดือน กันยายน 2565 ณ วันที่ 30 กันยายน 2565

ทำยังไงดี ? ถ้าเราเผลอเติมน้ำมันรถผิดชนิดขึ้นมา รถจะเป็นอันตรายมั้ย แล้วต้องแก้ไขอย่างไร วันนี้จิมีมาบอกแล้วคร้าบ ?? ก่อนอื่น รถยนต์ที่เติมน้ำมันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ เบนซินและดีเซล ซึ่งจะต้องเติมน้ำมันให้ถูกต้องตามประเภทเครื่องยนต์ที่ใช้ หากเติมน้ำมันผิดหรือเติมสลับกันขึ้นมา อาจทำให้รถยนต์เกิดอาการ ดังนี้ ?? เครื่องยนต์ดีเซล แต่เติมน้ำมันเบนซิน 1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติ เครื่องยนต์จะทำงานสะดุดจนเครื่องดับได้ 2. เกิดการฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เกิดการลุกไหม้เร็วเกินไป ทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง และอาจดับทันที 3. ไม่สามารถสตาร์ตรถใหม่ได้ ?? เครื่องยนต์เบนซิน แต่เติมน้ำมันดีเซล 1. หัวฉีดและไส้กรองอุดตัน เนื่องจากน้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน ทำให้หัวฉีดไม่ออกเป็นละออง ส่งผลให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยาก อาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้ 2. เมื่อเร่งเครื่องยนต์แล้วจะมีเสียงดัง และอัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ 3. ไฟเตือนเครื่องยนต์ที่เป็นสัญญาณของความผิดปกติของเครื่องยนต์โชว์ขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ และไม่สามารถสตาร์ตรถใหม่ได้ มาดูขั้นตอนการแก้ไขกันนะจิ ?? กรณียังไม่ได้สตาร์ตรถ ถ้ารู้ตัวทันทีว่าเติมน้ำมันผิดประเภทตั้งแต่ที่ปั๊มน้ำมัน โดยที่ยังไม่ได้สตาร์ตรถให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่ปั๊มได้เลย รวมทั้งไล่ระบบน้ำมันของเครื่องยนต์ใหม่ทันที เท่านี้ก็ใช้งานได้ตามปกติเลยคร้าบ เพราะเครื่องยนต์ยังไม่ได้รับความเสียหายนั่นเอง ?? กรณีสตาร์ตรถไปแล้ว ?? ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมด ?? เติมน้ำมันที่ถูกชนิดกับรถยนต์ของเรากลับเข้าไป ให้พอสตาร์ตติดก่อนประมาณ 5-10 ลิตร ?? สตาร์ตรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำมันเก่าที่อาจยังมีค้างอยู่ออกไปให้หมด พร้อมสังเกตไฟเตือนต่าง ๆ ว่ายังโชว์บนหน้าปัดหรือไม่ ?? ขับรถด้วยความเร็วรอบต่ำ เพื่อเช็กความผิดปกติของเครื่องยนต์ รู้แบบนี้แล้ว เพื่อน ๆ อย่าลืมสังเกตหัวจ่ายก่อนเติมทุกครั้งนะคร้าบ ?? #PTTGroup #ปตท #ก๊อดจิ #GodjiPTT

??ขยะพลาสติก ถูกนำไปรีไซเคิลและนำกลับไปใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน และที่น่าสนใจคือ ขยะพลาสติกสามารถนำไปทำถนนได้อีกด้วย ซึ่งพลาสติกความเหนียวและคงทนเมื่อนำไปผสมกับยางมะตอยที่เราใช้ทำถนนกันปกติ จะทำให้ถนนมีความทนทานมากขึ้นกว่า 10 เท่า แต่ใช่ว่าขยะพลาสติกทุกประเภทที่จะสามารถนำไปทำถนนได้ โดยต้องใช้พลาสติก ประเภท เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) เพราะมีคุณสมบัติหลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อนและแข็งตัวเมื่อเย็นลง สามารถหลอมเหลวซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่เสียคุณสมบัติเดิม ยกตัวอย่างประเภทขยะพลาสติกที่นำมาทำถนนได้ มีดังนี้ • PETE (Polyethylene Terephthalate) หรือ PET เป็นพลาสติกใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี ไม่เปราะแตกง่าย • HDPE (High Density Polyethylene) เป็นพลาสติกที่เหนียวและแตกยาก ค่อนข้างแข็งแต่ยืดได้มาก ทนทานต่อสารเคมีและสามารถขึ้นรูปทรงต่าง ๆ ได้ง่าย • LDPE (Low Density Polyethylene) เป็นพลาสติกที่เหนียวและยืดหยุ่นสูง • PP (Polypropylene) เป็นพลาสติกที่แข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี • PS (Polystyrene) เป็นพลาสติกที่น้ำหนักเบาและราคาถูก ???ขั้นตอนการนำขยะพลาสติกมาทำเป็นถนน มีดังนี้ 1. คัดแยกขยะพลาสติก ประเภทต่าง ๆ ออกจากกัน และล้างทำความสะอาด เพื่อให้ไม่มีสิ่งปนเปื้อน 2. บดขยะพลาสติกให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 0.5 - 1 มิลลิเมตร 3. ผสมขยะพลาสติกที่ถูกให้ความร้อนประมาณ 160 – 180 องศาเซลเซียส กับยางมะตอยที่อุณหภูมิเดียวกัน หรือวัสดุอื่น ๆ โดยพลาสติกที่ถูกหลอมละลายจะเป็นตัวเชื่อมวัสดุต่าง ๆ เข้าด้วยกัน 4. เทส่วนผสมลงบนพื้นผิวถนนและบดอัดให้แน่น ??การนำขยะพลาสติกมาผสมกับยางมะตอยเพื่อทำถนน จะช่วยลดต้นทุนในการใช้ยางมะตอยเพียงอย่างเดียว และมีความแข็งแรงกว่าถนนที่ใช้ยางมะตอยแบบเดิมกว่า 60% ปัจจุบันมีการนำขยะพลาสติกมาทำเป็นถนนในหลายประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยนั้น มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ได้มีการทดลองแนวทางนี้เช่นเดียวกัน การนำขยะพลาสติกมาใช้ในการทำถนน สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 1.7 – 2.6 ตันคาร์บอนเทียบเท่าต่อตันของปริมาณพลาสติกที่ทดแทนยางมะตอย เป็นแนวทางที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว